หน้าเว็บ

วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

พอร์ตลงทุนเปลี่ยนจากพันธบัตรมุ่งตลาดหุ้น

พอร์ตลงทุนเปลี่ยนจากพันธบัตรมุ่งตลาดหุ้น

พอร์ตลงทุนเปลี่ยนจากพันธบัตรมุ่งตลาดหุ้น ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตร ซึ่งเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย

การจัดสรรพอร์ตทางยุทธศาสตร์กลับมายังหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตรซึ่งเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในแนวโน้มการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในปีนี้

แต่ทฤษฎีดังกล่าวถูกท้าทาย ทั้งจากภาวะขาลงของตลาดสหรัฐตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เกริ่นถึงความเป็นไปได้ที่จะลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน และจากที่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงไม่เข้ามาถือหุ้นเพิ่มขึ้น

ข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันต่างชี้ว่าเงินทุนที่ขับเคลื่อนตลาดหุ้นอยู่ในขณะนี้มาจากตลาดเงิน ไม่ใช่มาจากรายได้ประจำของนักลงทุน

สถิติล่าสุดของเฟดอาจเป็นหลักฐานสำคัญชิ้นแรกที่สะท้อนว่าการไหลของเงินทุนจากตลาดพันธบัตรเข้าสู่ตลาดหุ้นอย่างมีนัยยะจากกองทุนบำเหน็จบำนาญสหรัฐ เริ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้

ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ากองทุนบำเหน็จบำนาญสหรัฐและบริษัทประกัน ได้ซื้อหุ้นเป็นมูลค่าสุทธิ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ และขายพันธบัตรเป็นมูลค่าสุทธิ 1 หมื่นล้านดอลลาร์

เจพี มอร์แกน ชี้ว่าแม้การไหลของเงินทุนอาจจะคิดเป็นเพียงมูลค่าเล็กน้อย แต่ได้เพิ่มสัดส่วนการถือตราสารทุนของกองทุนบำเหน็จบำนาญสหรัฐและบริษัทประกันเป็น 45% ในช่วงปลายไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งนับเป็นระดับที่สูงที่สุดตั้งแต่ปี 2550

นายแกรนต์ เบาวเวอร์ส ผู้จัดการพอร์ตจากแฟรงคลิน อิควิตี กรุ๊ป กล่าวว่า นักลงทุนกำลังมองเห็นมูลค่าตอบแทนที่สูงกว่าในการลงทุนในตราสารทุน แต่การโยกเงินลงทุนจากอีกตลาดหนึ่งสู่ตลาดหนึ่ง เป็นสิ่งที่จะดำเนินไปในช่วง 5-10 ปี ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงข้ามคืน โดยแม้ตลาดหุ้นดิ่งลงอย่างหนัก แต่ผลตอบแทนสุทธิจากตราสารทุนก็ยังสูงกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว จะพบว่าดัชนีตราสารทุน MSCI ปรับตัวสูงขึ้่น 8% ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลง 2.2% และผลตอบแทนหุ้นกู้บริษัทลดลง 1%

ขณะที่ข้อมูลจากแบงก์ออฟอเมริกา เมอร์ริล ลินช์ เผยว่าเงินทุนไหลออกจากพันธบัตร 1.45 หมื่นล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว คิดเป็นมูลค่าการไหลออกที่มากที่สุดเป็นอันดับสองตั้งแต่เก็บสถิติมา ส่วนเงินทุนไหลออกจากตราสารทุนนั้นมีเพียง 8.5 พันล้านดอลลาร์

กระนั้น กองทุนบำเหน็จบำนาญและบริษัทประกันก็กำลังเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์การลงทุน หลังจากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาได้เข้าไปลงทุนในตลาดพันธบัตรเพื่อลดความเสี่ยงจากวิกฤติการเงินโลก
ความเคลื่อนไหวจากนักลงทุนระดับสถาบันรายใหญ่ของโลก ทำให้มีการพูดกันมากถึงการถอนเงินทุนออกจากตลาดพันธบัตร

กองทุนความมั่งคั่งแห่งนอร์เวย์ ซึ่งปกติเป็นผู้ซื้อพันธบัตรรายใหญ่ แบ่งสัดส่วนพอร์ตการลงทุน 62.4% ไว้ในหุ้นซึ่งเป็นสัดส่วนที่เกือบจะสูงที่สุดของกองทุนดังกล่าว ในขณะที่สัดส่วนการถือพันธบัตรลดลงมาอยู่ที่ 36.7% ซึ่งต่ำเป็นประวัติการณ์ในปลายเดือนมีนาคม

ทางด้านกองทุนกองทุนบำเหน็จบำนาญสาธารณะญี่ปุ่น ได้ประกาศเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่าจะเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นเป็น 12% จาก 11% ในขณะที่จะลดสัดส่วนการถือพันธบัตรรัฐบาลจาก 67% มาอยู่ที่ 60%


ที่มา:กรุงเทพธุรกิจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น