ซื้อกองทุน LTF อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ
ความนิยมในการลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว
(LTF) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปี2553 ที่ผ่านมา ยอดเงินลงทุนในกองทุน LTF สูงถึง 129,580 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ประมาณ51.56% ประโยชน์หลักของการลงทุนกองทุน LTF คือการลดหย่อนภาษี
และกำไรจากการลงทุน แต่ใช่ว่า การลงทุนในกองทุน LTF จะเหมาะกับทุกคน
เพราะการลงทุนในกองทุนดังกล่าวมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นการลงทุนในกองทุนหุ้น
นักลงทุนจึงมีโอกาสขาดทุนได้ บทความฉบับนี้จึงขอแนะนำวิธีการลงทุนกองทุน LTF
ให้เกิดประโยชน์สูงที่สุดค่ะ
พิจารณาฐานภาษีสูงสุดของคุณว่าอยู่ที่เท่าไร
หลักการคิดจำนวนเงินที่จะได้สิทธิลดหย่อนภาษีจากการลงทุนกองทุน
LTF คือ
ยอดเงินลงทุน (ไม่เกิน 15% ของรายได้ หรือ 500,000
บาท) x ฐานภาษีสูงสุด
ยกตัวอย่างเช่น คุณมีฐานภาษีสูงสุด 20% และซื้อกองทุน LTF เป็นเงิน 50,000 บาท ดังนั้น คุณจะสามารถลดหย่อนภาษีจากการลงทุนครั้งนี้ได้ 10,000 บาท (ทั้งนี้ ยอดเงินที่สามารถลดหย่อนภาษีอาจน้อยกว่า 10,000 บาท หากรายได้ที่ตกในฐานภาษี 20% เป็นเงินน้อยกว่า 50,000 บาท) ดังนั้น
คนที่มีฐานภาษีอยู่ในระดับสูงจะได้รับประโยชน์จากการซื้อกองทุน LTF เป็นอย่างมาก เสมือนซื้อหุ้นได้ถูกกว่าคนอื่น เช่น หากคุณ ซึ้อกองทุน LTF
ที่ดัชนี 1,000 จุด และฐานภาษีสูงสุดอยู่ที่ 30%ต้นทุนในการซื้อกองทุนของคุณจะเสมือนซื้อที่ดัชนี 700 จุด ในทางตรงกันข้าม หากฐานภาษีสูงสุดของคุณอยู่ที่ 10% คุณจะสามารถซื้อหุ้นที่ดัชนี 900 จุด ดังนั้น
ในช่วงที่ดัชนีหุ้นปรับตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมาก การซื้อกองทุน LTF ของผู้ที่มีฐานภาษีสูงสุดที่ 10% อาจไม่คุ้มค่า
เนื่องจาก เมื่อคุณถือกองทุนครบ 5 ปีปฏิทิน และต้องการขาย
คุณมีโอกาสขาดทุนจากการลงทุนครั้งนี้ เพราะต้นทุนในการลงทุนของคุณอยู่ในระดับสูง
ดังนั้น หากฐานภาษีสูงสุดของคุณอยู่ที่ 10% ก่อนซื้อกองทุน LTF อย่าลืมตรวจสอบภาวะตลาดหุ้นว่า
อยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง
หากดัชนีปรับตัวสูงขึ้นมามากและโอกาสปรับขึ้นได้ต่อมีน้อย
ขอแนะนำให้ชะลอการซื้อกองทุน LTF ไปก่อนค่ะ
ทยอยซื้อกองทุน
หรือซื้อก้อนเดียวปลายปีดีกว่ากัน
นักลงทุนหลายคนนิยมซื้อกองทุน LTF
ช่วงเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม
เนื่องจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่างๆ
มักจะจัดโปรโมชั่นที่น่าสนใจในช่วงนั้น
และนักลงทุนสามารถนำเงินโบนัสที่ได้ในช่วงปลายปีมาซื้อได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม
ความนิยมดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้น และทำให้ต้นทุนในการซื้อกองทุน LTF
มากขึ้น ดังนั้น
พวกของสมนาคุณที่คุณได้รับมีโอกาสไม่คุ้มค่ากับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ ดังนั้น ขอแนะนำให้ลงทุนแบบทยอยซื้อดีกว่าค่ะ แต่จะทยอยซื้ออย่างไรนั้น
สามารถแบ่งตามประเภทของนักลงทุนได้ 2 แบบค่ะ
1. มีเวลาติดตามสภาวะตลาด
หากคุณเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การลงทุนในหุ้น และมีเวลาติดตามสภาวะตลาดแล้ว
แนะนำให้ทยอยซื้อ เมื่อดัชนีหุ้นอ่อนตัวลงค่ะ
2. ไม่มีเวลาติดตามสภาวะตลาด
หากคุณงานยุ่งจนไม่สามารถติดตามภาวะตลาดหุ้นได้ แนะนำให้ลงทุนแบบ Dollar
Cost Averaging หรือซื้อแบบเฉลี่ยราคา เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน
ปัจจุบัน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนหลายแห่งมีบริการหักเงินจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์อัตโนมัติ
เพื่อลงทุนในกองทุน LTF จะช่วยให้คุณสามารถลงทุนได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้นค่ะ
ศึกษาข้อมูลกองทุน LTF ต่างๆ ก่อนเข้าลงทุน
ปัจจุบัน กองทุน LTF
ในประเทศไทยมีทั้งสิ้น 52 กองทุน จาก 20 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ดังนั้น การเลือกซื้อกองทุน LTF คงเป็นเรื่องยากสำหรับหลายๆ คน ขอแนะนำเทคนิคในการซื้อกองทุน
LTF ดังนี้
1. เลือกนโยบายการลงทุน กองทุน LTF มีนโยบายลงทุนในหุ้นอย่างน้อย 65%
ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ดังนั้น
ผลการดำเนินงานของกองทุนมักจะเคลื่อนไหวขึ้นลงตามภาวะตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม
หากคุณต้องการลดความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นลง
คุณสามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่ระบุว่าลงทุนในหุ้นไม่เกิน 70% หรือ 75% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
หรือเลือกกองทุนที่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Short Futures) ซึ่งจะช่วยให้มูลค่าหน่วยลงทุนไม่แกว่งตัวตามการขึ้นลงของตลาดหุ้น
2. เลือกนโยบายการจ่ายเงินปันผล กองทุน LTF
มีทั้งแบบจ่ายเงินปันผลและไม่จ่ายเงินปันผล
หากคุณเลือกแบบจ่ายเงินปันผล คุณมีโอกาสได้รับผลตอบแทนระหว่างการลงทุน
แต่เงินปันผลที่ได้รับจะต้องเสียภาษี ซึ่งสามารถเลือกว่าจะหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% หรือนำมารวมคำนวณในการยื่นภาษีเงินได้ประจำปี โดยขอแนะนำให้เลือกหักภาษี
ณ ที่จ่าย 10% ดีกว่าค่ะ เนื่องจาก
หากคุณเลือกมารวมคำนวณในการยื่นภาษีเงินได้ คุณจะต้องเสียภาษีในอัตราที่เป็นฐานภาษีสูงที่สุดของคุณ
ซึ่งมีโอกาสมากกว่า10% ค่ะ
3. เลือกกองทุนที่มีผลการดำเนินงานดี
เมื่อเลือกนโยบายการลงทุนที่เหมาะกับตนเองแล้ว
การเลือกกองทุนที่จะลงทุนเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากค่ะ
โดยผลการดำเนินงานย้อนหลังจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม
ผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ดีไม่ใช่สิ่งที่จะรับประกันได้ว่า
กองทุนจะมีผลงานที่ดีเสมอไป ดังนั้น หลังจากที่ลงทุนกองทุน LTF ไปแล้ว คุณควรติดตามผลงานของกองทุนที่คุณถือว่ามีผลงานที่ดี
เมื่อเทียบกับกองทุนอื่นๆ หรือไม่ หากผลการดำเนินงานไม่เป็นที่น่าพอใจ
คุณสามารถสับเปลี่ยนไปยังกองทุน LTF อื่นได้ในภายหลังค่ะ
สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน LTF คุณสามารถตรวจสอบได้จากเวบไซต์ของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน:
www.aimc.or.th
การซื้อกองทุน LTF แม้ว่าจะสามารถช่วยลดหย่อนภาษีได้
แต่การลงทุนในกองทุนดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงด้วยเช่นกัน
เนื่องจากเป็นการลงทุนในหุ้น ดังนั้น หากคุณไม่สามารถรับความเสี่ยงระดับสูง
แต่ต้องการลดหย่อนภาษี คุณสามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลื้ยงชีพ (RMF)
หรือประกันชีวิต ซึ่งมีความเสี่ยงน้อยกว่าแทนได้ค่ะ
โดย : ปานตา ฉัตรมาศ
ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล
ธนาคารกสิกรไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น